ทั้งแสบ และคันช่องคลอดจนต้องบิดตัวไปมา อยากจะเกาก็เกาไม่ได้! แถมน้องสาวยังส่งกลิ่นเหม็นเหมือนปลาเค็มค้างคืน เข้าห้องน้ำปัสสาวะก็แสบจนน้ำตาจะไหลแถมยังออกแบบกะปริบกะปรอย แถมแสบคันช่องคลอด จะมีอะไรกับแฟนก็แสนเจ็บไม่มีความสุขเลยสักนิดเดียว
ถ้าสาวๆ คนไหนกำลังเผชิญกับอาการแบบนี้อยู่ละก็ นั่นหมายความว่าคุณอาจติดเชื้อโปรโตซัวในช่องคลอดหรือกำลังเป็นโรคพยาธิในช่องคลอดนั่นเอง! ถึงชื่อจะฟังดูน่ากลัว แต่สาวๆ อย่าเพิ่งเครียดหรือกังวลใจไปนะคะ เพราะซิสจะพาไปรู้จักกับโรคนี้กันให้มากขึ้น พร้อมกระซิบวิธีรักษาให้สาวๆ ทุกคนด้วย เพราะฉะนั้นตามไปอ่านต่อกันเลยค่ะ
อาการแสบคันช่องคลอด เกิดจากอะไร?
แสบคันช่องคลอดอาจเกิดจากการเป็น โรคพยาธิในช่องคลอด หรือทริโคโมเนียซิส (Trichomoniasis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัวสามารถพบได้ทั้งในเพศหญิง และเพศชาย แต่โดยส่วนใหญ่จะพบได้ในเพศหญิงมากกว่า ซึ่งพยาธินั้นมีขนาดเล็กมาก และมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ต้องดูผ่านกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น โดยเชื้อโปรโตซัวพวกนี้หากติดเชื้อแล้วก็จะอาศัยอยู่ในช่องคลอดและทางเดินปัสสาวะส่วนล่างของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
ความน่ากลัวของโรคนี้คือผู้ติดเชื้อ 70% ไม่แสดงอาการใดๆ และพบผู้ป่วยที่แสดงอาการเพียง 20-30% เท่านั้น ทำให้หลายคนไม่รู้ตัว และแพร่กระจายเชื้อไปสู่คู่นอนโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์
อาการของโรคพยาธิในช่องคลอด
- ตกขาวผิดปกติ สีเหลือง สีเขียว หรือสีเทา มีกลิ่นเหม็น
- รู้สึกคัน แดง แสบร้อน ภายในช่องคลอดหรือบริเวณอวัยวะเพศ
- เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
- ปัสสาวะแสบขัด
- ปวดท้องน้อย
วิธีป้องกัน
สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ การสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นอกจากเป็นการคุมกำเนิดแล้วยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ อีกด้วย
หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน ถึงแม้ว่าการติดเชื้อจะมาจากการมีเพศสัมพันธ์เป็นส่วนใหญ่แต่การใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะผ้าเช็ดตัว กางเกงชั้นใน ก็อาจทำให้ติดเชื้อได้เช่นกัน
รักษาความสะอาด ความสะอาดมีความสำคัญมากในการป้องกันหรือหลีกเลี่ยงการติดเชื้อที่ดีในระดับหนึ่ง เช่น ควรซักผ้าเช็ดตัวทุก 2-3 วัน และควรเก็บรักษากางเกงชั้นในไว้ในที่แห้งและสะอาด
วิธีการรักษา
การรักษาสามารถทำได้ 2 แบบ คือ การกินยา และ การใช้ยาสอดช่องคลอด
1.การกินยาต้านโปรโตซัว
เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ยาปฏิชีวนะ และยาต้านโปรโตซัวที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย และโปรโตซัวหลายชนิด
ทินิดาโซล (Tinidazole) เป็นยาต้านโปรโตซัวที่ใช้รักษาการติดเชื้อที่เกิดจากโปรโตซัวหลายชนิด
อาการข้างเคียง ที่พบบ่อยของการกินยาต้านโปรโตซัวได้แก่:
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ท้องเสีย
- โลหิตจาง
- ปัสสาวะสีเข้ม
ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร นอกจากนี้ยังควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคลมชัก
2. การใช้ยาสอดช่องคลอด
หากสาวๆ คนไหนที่กังวลเรื่องอาการข้างเคียงหลังกินยา ก็สามารถเลือกใช้ยาสอดในการรักษาได้ด้วย โดยเลือกยาสอดที่มีตัวยา Metronidazole (เมโทรนิดาโซล) 750 mg. และ Miconazole nitrate (ไมโคนาโซล ไนเตรท) 200 mg. ซึ่งออกฤทธิ์ครอบคลุม สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อทริโคโมแมสหรือเชื้อพยาธิ ประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย สตรีมีครรภ์ก็สามารถใช้ได้ โดยไม่ต้องกังวลกับอาการข้างเคียง
ถ้าหากสาวๆ คนไหน พบอาการตามที่กล่าวมาเหล่านี้ ก็อย่าพึ่งตกใจ แนะนำให้รีบไปปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับสาวๆ นะคะ
หากสาวๆ คนไหนยังมีข้อสงสัย หรืออยากได้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพคุณผู้หญิง และแนะนำในการเลือกซื้อยาสอด สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่.. ‘PHARMASIS’ ร้านขายยาที่เข้าใจผู้หญิง ตามร้านขายยาที่อยู่ใกล้บ้านของทุกคนได้เลยค่ะ
ค้นหาร้านขายยาที่เข้าใจผู้หญิงใกล้บ้านได้ตามลิงก์นี้เลยนะคะ คลิก