ซิสเชื่อว่าสาวๆ หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า ‘ช็อกโกแลตซีสต์’ กันมาบ้างนะคะ แต่มีใครยังสงสัยไหมคะ? ว่ามันคืออะไร? อันตรายไหม? หน้าตาคล้ายช็อกโกแลตที่พวกเรากินกันรึเปล่า?
อย่าเพิ่งจินตนการไปถึงช็อกโกแลตเคลือบแท่งบิสกิตนะคะ เพราะที่เราจะพูดถึงกันในบทความนี้ก็คือ ช็อกโกแลตซีสต์ หรือ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เป็นโรคที่มักจะเกิดขึ้นในสาวๆ วัยมีประจำเดือน ภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญเติบโตผิดที่บริเวณอวัยวะอื่นๆ ในอุ้งเชิงกราน โดยเฉพาะที่รังไข่
ซึ่งในบทความนี้ ซิสจะมาอธิบายให้สาวๆ ฟังกันค่ะ ว่าโรคนี้คืออะไร? อาการเป็นอย่างไร? และมีสัญญาณเตือนอะไรที่ต้องระวังบ้าง? ตามไปอ่านต่อกันได้เลยค่ะ!
ช็อกโกแลตซีสต์ คืออะไร?
ช็อกโกแลตซีสต์คือโรคที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มีลักษณะเป็นถุงน้ำสีคล้ำๆ คล้ายช็อกโกแลต ซึ่งก็คือเลือดประจำเดือนที่ไปตกค้างในถุงน้ำนั่นเอง เซลล์ที่เจริญผิดปกตินี้จะค่อย ๆ โตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ถุงน้ำใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นก้อนซีสต์
วัยไหนที่มีความเสี่ยงเป็นช็อกโกแลตซีสต์
เมื่อสาวๆ ทุกคนที่เริ่มมีประจำเดือน ก็จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้ทันที และความเสี่ยงของโรคนี้จะมีไปตั้งแต่มีประจำเดือนครั้งแรก จนถึงวัยที่หมดประจำเดือน เพราะมันมีความเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนของเราโดยตรง
อาการของช็อกโกแลตซีสต์เป็นยังไง?
สาวๆ ไม่อาจรู้ได้เลยว่าตัวเองกำลังเป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์อยู่ ถ้าไม่ไปตรวจร่างกายด้วยการตรวจภายในอัลตราซาวนด์ หรือส่องกล้อง เพราะโรคนี้จะไม่แสดงอาการจนกว่าก้อนซีสต์จะอักเสบขึ้นมา
แต่อย่างไรก็ตาม ก็อาจมีสัญญาณเตือนบางอย่างที่ร่างกายกำลังบอกเราอยู่ว่า นี่แหละคืออาการของช็อกโกแลตซีสต์
- ปวดบริเวณท้องน้อยเรื้อรังช่วงมีประจำเดือน หรือปวดท้องประจำเดือนมากๆ
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น อาจมามากกว่า 7 วัน หรือเลือดออกทางช่องคลอดมาก
- มีอาการลำไส้แปรปรวน ท้องเสีย หรือบางคนอาจถ่ายเป็นเลือด
- ปัสสาวะบ่อย
- ท้องอืด หรือปวดท้องมากเวลาขับถ่ายในช่วงมีประจำเดือน
ปวดท้องแบบไหนที่บ่งบอกว่าอาจเสี่ยงเป็นโรคนี้ล่ะ?
- ปวดท้องด้านหน้า หรือด้านหลัง
- ปวดช่วงท้องด้านล่าง ต่ำกว่าสะดือ เหนือขาหนีบ
- ปวดท้องมากๆ ในช่วงมีประจำเดือน
แต่ถ้าปวดๆ หายๆ อาจเป็นซีสต์ธรรมดาที่ไม่ใช่ช็อกโกแลต ดังนั้นถ้ามีอาการปวดท้องมากๆ ต้องไปพบหมอนะคะ อย่าได้ประมาท เพราะโรคนี้อันตรายกับตัวเรามาก
ช็อกโกแลตซีสต์รักษายังไงได้บ้าง?
- หากตรวจพบว่ามีก้อนซีสต์ขนาดเล็กๆ ที่ไม่อันตรายมาก แพทย์อาจให้กินยาคุมกำเนิด หรือฉีดยาคุมกำเนิด หรือยาฮอร์โมนที่มีตัวยาไดอีโนเจสต์ (Dienogest) 2 มก. ที่ใช้สำหรับรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่หรือช็อกโกแลตซีสต์โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นวิธีการรักษาเบื้องต้น เมื่ออาการยังไม่รุนแรง และสามารถใช้รักษาต่อเนื่องได้ยาวนาน แล้วประเมินดูว่าก้อนซีสต์เล็กๆ นั้นอาจจะยุบไปได้เอง
- หากตรวจพบเป็นก้อนซีสต์ที่ใหญ่ จะมีความอันตรายสูง อาจต้องผ่าตัดออกเอาก้อนซีสต์ออก ซึ่งการผ่าตัดมีทั้งแบบเปิดหน้าท้องตรงๆ หรือแบบส่องกล้อง ซึ่งวิธีส่องกล้องนั้นจะทำให้เราฟื้นตัวไวกว่า แผลเล็กกว่า เสียเลือดน้อยกว่า
การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ จะสามารถหาวิธีรักษาโรคนี้ได้ดีที่สุด ซึ่งวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับว่าซีสต์นั้นมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ และความอันตรายของก้อนซีสต์นั้นๆ ซิสเลยอยากให้สาว ๆ ทุกคนสังเกตอาการที่เกิดขึ้นกับตัวเรากันด้วยนะคะ เพราะเมื่อมีอาการที่ผิดปกติ หรือมีบางอย่างที่ผิดปกติในตัวเรา จะได้สามารถไปพบแพทย์ และได้รับการรักษาอาการเหล่านั้นได้ในทันที
หากสาว ๆ ท่านไหนยังมีข้อสงสัย หรืออยากได้คำแนะนำในด้านการเลือกใช้ยาคุมกำเนิด สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนและการคุมกำเนิดได้ที่.. ‘PHARMASIS’ ร้านขายยาที่เข้าใจผู้หญิง ตามร้านขายยาที่อยู่ใกล้บ้านของทุกคนได้เลยค่ะ
ค้นหาร้านขายยาที่เข้าใจผู้หญิงใกล้บ้านได้ตามลิงก์นี้เลยนะคะ คลิก