ความรักคืออะไร ตับ ไต ไส้พุง! หรือจะเป็นดวงดาวเมื่อพราวแสง แต่ที่แน่ๆ ความรักนั้นแสนจะอบอุ่นอ่อนโยน ทำให้คนๆ หนึ่งมีแรงกายแรงใจลุกขึ้นมาทำอะไรต่อมิอะไรเพื่อคนที่เรารัก
เพราะตอนรักกันใหม่ๆ ไม่ว่าจะอะไรก็ดีไปหมด ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น ไม่ว่าจะข้อเสียขนาดไหนก็รับได้ เพราะเราสองนั้นจิตใจแสนจะตรงกันไปซะทุกอย่าง หรือต่อให้จิตใจจะไม่ต่างกันแต่ฉันรับเรื่องแย่ๆ นั้นของเธอได้แน่นอน! คำกล่าวที่ว่า เมื่อยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน คำนี้จึงไม่เกินจริง
แต่หากวันหนึ่งที่คนรักของเรามีอาการเปลี่ยนไปจากเดิม และคนเคยอยู่ด้วยกันหรือเป็นแฟนกันย่อมสัมผัสได้ถึง “สัญญาณ” ที่บ่งบอกว่ากำลังมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เพราะฉะนั้นซิสจะมาแนะนำ 7 สัญญาณของคนที่หมดรักกัน มีอะไรบ้างนะ ไปเช็กกันเลย..
1. เราทำอะไรก็ผิดก็เพราะหมดรักกัน เห็นหน้าเราก็พาลหงุดหงิดแล้ว!
ตอนรักกันใหม่ๆ อยากเจอหน้าทุกวันเวลา หรือขอแค่เห็นหน้าสักนาทีจิตใจนี้ก็ชุ่มชื่น เต็มไปด้วยสารแห่งความสุขปริ่มล้นเต็มทุกห้องหัวใจ
แต่พอหมดใจเจอหน้าทีไรก็ชักสีหน้าใส่ เห็นหน้ากันทีไรก็ไม่อยากจะมอง สายตาที่ส่งมาให้ก็แสนจะเย็นชาเฉยเมย เหมือนมองสิ่งของไม่มีความเป็นห่วงเป็นใยเหมือนแต่ก่อน กระทั่งเสียงหายใจยังชวนให้หงุดหงิด แต่ก่อนเคี้ยวอาหารเสียงดังแค่ไหนก็ว่าน่ารัก แต่พอหมดใจ “ทำไมเธอไม่มีมารยาทในการกินเอาซะเลย” ถ้าคนคนนั้นของคุณมีอาการแบบนี้ นั้นอาจเป็น “สัญญาณ” แรกของการหมดรัก
2. เฉยเมย เฉยชา ไม่ยินดียินร้าย
ความอบอุ่นและความใส่ใจเป็นพื้นฐานของคนที่รักกัน เพราะคุณรักอีกฝ่ายจึงอยากให้อีกฝ่ายได้รับสิ่งที่ดีและอีกฝ่ายก็สามารถรับรู้สิ่งนั้นได้เช่นกัน
แต่พอหมดรักกัน ความใส่ใจที่มีย่อม สลายหายไปกลายเป็นหมอกและควัน ความปรารถนาที่อยากให้อีกฝ่ายได้รับสิ่งที่ดีย่อมไม่มีเหลืออยู่ มีแต่ความ เย็นชา เฉยเมย ไม่อยากคุยด้วย ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นไปกับเรื่องราวดีๆ ของอีกฝ่าย หรือความสุขไปพร้อมกันเหมือนเมื่อก่อน ความรู้สึกเฉยชานี่เองที่อาจเป็น “สัญญาณ” ของการที่หมดรักกัน
3. พูดคุยหรือติดต่อกันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
การพูดคุยหรือติดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหน จะแบบพบหน้าหรือแบบทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ตก็สร้างความผูกพันให้แก่กันได้ ยิ่งตอนรักกันใหม่ๆ ไม่ต้องพูดถึง โทรเช้ามาอรุณสวัสดิ์ แชทเย็นมาถามว่ากินข้าวกับอะไร ถ้าอยู่ด้วยกันก็ชวนคุยนู่นนี้ เล่าเรื่องคนนั้น ไปเจอคนนี้ แลกเปลี่ยนสิ่งที่รักสิ่งที่ชอบร่วมกัน
พออยู่มาวันหนึ่งความรักมันจืดจางจนหมดรักกัน ความรู้สึกอยากร่วมแบ่งปันก็หายไป ไม่อยากพูดคุยเหมือนเมื่อก่อน บอกอะไรก็บอก ‘อืม’ ถามอะไรก็บอก ‘แล้วแต่’ ความรู้สึกไม่อยากร่วมสนทนาชัดเจน หากคนรักของคุณมีอาการแบบนี้นั่นคืออีกหนึ่ง “สัญญาณ” ของอาการ หมดรัก
4. ไม่มีเวลาให้หรอกนะ เพราะฉันน่ะยุ่งมาก!?
แรกรัก ทุกเวลาของฉันนี้มีให้เธอ ไม่ว่าจะการเรียนหนักแค่ไหน หรือที่ทำงานสุดแสนจะยุ่ง ก็ยังมีเวลาให้ ก็เพราะเธอนั้นเป็นคนสำคัญ
แต่ถ้าหมดรักกัน แค่ไม่กี่นาทีก็ไม่อยากจะเสียให้ ทักไปหา โทรไปถามก็อ้างว่า “ยุ่งอยู่” “มีธุระสำคัญ” แต่แค่เวลาแชทมาบอกไว้ หรือโทรมาสักคำก็ไม่อยากจะทำ เพราะ“เวลาของฉันมันมีค่ามากรู้ไหม!?” แถมบางครั้งยังหายตัวไปแบบไม่มีการบอกกล่าว อะไรที่เคยทำด้วยกันก็ไม่มีอีก ถ้าคนคนนั้นมีอาการแบบนี้ ก็เป็นอีก “สัญญาณ” ที่บ่งบอกว่า สิ่งสำคัญของคนคนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว (หรือเขาอาจจะแค่บ้างานหรือการเรียนก็ได้นะ อิอิ)
5. พูดโกหก แถมชวนทะเลาะกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ความรักและความสัมพันธ์ที่ดีถูกสร้างขึ้นมาจากความซื่อสัตย์และความไว้ใจซึ่งกันและกัน จึงเป็นความผูกพัน นี่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายพยายามจะเข้าใจซึ่งกันและกัน
แต่เมื่อความรักลดลงหรือหมดรักกัน คนที่ไม่มีความรู้สึกอยู่แล้วหรือไปมีรักใหม่ ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเข้าอกเข้าใจ คนที่ “เคย” รัก ด้วยการรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองว่า..ฉันไม่ได้เป็นคนที่ผิด แต่เป็นอีกฝ่ายต่างหากที่ไม่ดีเราเลยไปกันไม่ได้! จึงจำเป็นที่ต้องยกแม่น้ำทั้งห้า ขยันสร้างเรื่องโกหกต่างๆ นานา จนบางทีตัวเองยังจำไม่ได้ แล้วพอจับได้ก็โมโหอีกฝ่าย ต่อว่าต่อขานว่าอีกฝ่ายไม่ดีแบบไหนบ้าง หรือทำแบบนี้แล้วมันแย่จนรับไม่ได้ ใช้คำพูดชวนทะเลาะให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดจะได้สร้างความชอบธรรมให้ตัวเองเป็นคน “ดีย์” ด้วยการ gaslighting อีกฝ่ายทุกวัน
หากคนคนนั้นมีพฤติกรรมนี้ นอกจากจะเป็น สัญญาณของการหมดรัก ยังเป็น สัญญาณอันตราย หากคุณอยู่กับคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ทุกวันจะทำให้รู้สึก อ่อนแอ, ไม่มั่นคง, และมีความสับสนเกี่ยวกับความจริง สูญเสียความมั่นใจในตัวเองและความเชื่อในตนเอง ซิสขอเตือนว่าให้รีบพาตัวเองออกห่างจากคนแบบนี้ให้ไวที่สุด
6. ถึงจะยังอยู่ด้วยกัน แต่ก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว
ยามคนเรารักกันมันมีพลัง ให้ต่างฝ่ายต่างอยากให้อีกฝ่ายมีความสุขไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางใจ ถึงแม้จะเป็นการกระทำเล็กน้อย อย่างบอกฝันดี การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รับฟังปัญหาของอีกฝ่าย หรือช่วยกันคิดแก้ปัญหาให้
ยามหมดรักกันแล้วย่อมไม่ได้สนใจความรู้สึกอีกฝ่าย ‘จะเป็นยังไงจะรู้สึกแบบไหนก็เรื่องของเธอสิ ฉันเองก็มีเรื่องที่ต้องทำ ปัญหาที่ต้องแก้เหมือนกันนะ!’ เพราะเมื่อไม่ได้รักจึงมีความเห็นแก่ตัวเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ ทำให้คนที่ต้องอยู่ด้วยเหมือนต้องแก้ไขปัญหาหรือเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างในชีวิตเพียงคนเดียว ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ไปไหน นี่จึงเป็นอีก “สัญญาณ” ที่ชัดเจนอย่างหนึ่งสำหรับคนที่หมดรักกันแล้ว
7. ห่างหายเรื่องบนเตียง
สำหรับคู่รักที่อาศัยอยู่ด้วยกัน เรื่องบนเตียงเป็นการสร้างความลึกซึ้งและความผูกพันทางจิตใจอย่างหนึ่ง ถึงแม้จะมีความหมายในเชิง การได้ครอบครอง แต่อีกความหมายก็คือการได้แบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก ความอิ่มเอม
แต่หากวันหนึ่งที่อีกฝ่ายหลีกเลี่ยงการร่วมหลับนอนกัน ยกเรื่องนั้นเรื่องนี้มาอ้าง แถมยังหายตัวไปหลายวันโดยไม่บอกกันว่าไปไหน อันนี้อาจเป็น “สัญญาณ” ที่บ่งบอกว่า ความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองไม่เหมือนเดิม
การจัดการกับการหมดรักกันของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องเริ่มต้นด้วยการยอมรับความเป็นจริงให้ได้ หรือคุณอาจลองเริ่มต้นด้วยการเปิดใจคุยกับอีกฝ่ายเพื่อที่จะให้ได้ทางออกร่วมกัน แต่หากอีกฝ่ายไม่ต้องการ “หาทางออกร่วมกัน” ย่อมเป็นคุณที่ต้องหาทางออกจากความรู้สึกและความสัมพันธ์นี้ด้วยตัวเอง ด้วยการมูฟออนจากความสัมพันธ์นี้ ลองหาคนที่ไว้ใจได้ เช่นคุณพ่อหรือคุณแม่ เพื่อนรัก หรือใครก็ตามที่พร้อมรับฟังคุณ และให้เวลากับตัวเอง จะช่วยให้คุณผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างแน่นอน
ซิสเอง ขอเป็นกำลังใจให้สาวๆ ทุกคน ไม่ยอมแพ้กับมรสุมที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและรู้จักที่จะเรียนรู้วิธีมูฟออน และขอให้ทุกคนรักตัวเองและรักคนที่รักเราให้มากๆ ค่ะ ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ