วันคุมกำเนิดโลก ตรงกับวันที่ 26 กันยายนของทุกปี ทุกคนควรตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะกลุ่มแม่วัยใส หรือวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
พบว่าในประเทศไทยมีอยู่ที่ราวร้อยละ 12 ยังสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่กำหนดว่าไม่ควรมีสัดส่วนหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปีตั้งครรภ์เกินกว่าร้อยละ 10 ซึ่งปัจจุบันมีกฎหมายออกมาเป็นการเฉพาะ คือ พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559
การเลือกวิธีการคุมกำเนิดมีหลายวิธี แต่การเลือกใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดได้ผลดีและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแง่ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ปัจจุบัน “ยาเม็ดคุมกำเนิด” มีให้เลือกใช้หลากหลายชนิดตามลักษณะทางสรีรวิทยา ดังนี้
1. ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม (Combined Pill) ยาคุมกำเนินแบบเม็ดเดียว
ตัวยาจะบรรจุฮอร์โมนสังเคราะห์เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ยาจะยับยั้งกระบวนการตกไข่ในเพศหญิง สร้างเมือกที่บริเวณปากมดลูก ทำให้สเปิร์มเข้าไปผสมกับไข่ได้ยากขึ้น และทำให้ผนังมดลูกบาง เพื่อไม่ให้ไข่ฝังตัวที่ผนังมดลูกได้สำเร็จ
- ยาคุมกำเนิดชนิด 21+7 เป็นเม็ดยาที่มีฮอร์โมน 21 เม็ด และสารที่ไม่ใช่ฮอร์โมนอีก 7 เม็ด โดยเมื่อหมดแผงสามารถเริ่มแผงใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนหมด
- ยาคุมกำเนิดชนิด 24+4 เป็นเม็ดยาที่มีฮอร์โมน 24 เม็ด และเม็ดแป้ง 4 เม็ด ซึ่งสามารลดอาการไม่สบายตัวจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงได้
2. ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนตัวเดียว (Progestogen-only Pill)
ตัวยาจะบรรจุฮอร์โมนโปรเจสโตเจนไว้เพียงชนิดเดียว ยาจะทำให้เกิดการสร้างเมือกหนาบริเวณปากมดลูก ป้องกันไม่ให้สเปิร์มเข้าไปผสมกับไข่ ส่งผลต่อระบบท่อนำไข่ ให้ไข่ผ่านเข้าไปในท่อนำไข่ได้ยากขึ้น และทำให้ผนังมดลูกบางลงจนไม่เอื้อต่อการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว นอกจากนี้ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนตัวเดียวยังถูกแนะนำให้ใช้ในกรณีของผู้หญิงที่ต้องให้นมบุตรและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ อย่างลิ่มเลือดอุดตัน
3. ยาคุมฉุกเฉิน
- ยาคุมกำเนิดแบบ1 เม็ด เป็นยาคุมกำเนิดรูปแบบใหม่ในประเทศไทยชนิดที่มีตัวยาลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) เช่น โดยรับประทานเเค่เม็ดเดียวก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวก
วิธีใช้ รับประทาน 1 เม็ดครั้งเดียว ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยพบว่า หากรับประทานภายใน 0 – 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ จะมีอัตราการตั้งครรภ์ต่ำกว่าการรับประทานในช่วง 72 – 120 ชั่วโมง แต่เมื่อใช้ยาแล้ว อาจพบผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ วิงเวียน อ่อนเพลีย
- ยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด แต่ละเม็ดประกอบด้วยตัวยาที่เป็นฮอร์โมนขนาดสูง คือ ลีโวนอร์เจสเตรล (levonorgestrel) เม็ดละ 750 ไมโครกรัม
วิธีใช้ รับประทานยาเม็ดแรกให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน โดยไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง และจะต้องรับประทานยาเม็ดที่สองหลังจากรับประทานยาเม็ดแรกไม่เกิน 12 ชั่วโมง หากมีการอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังรับประทานยาแต่ละเม็ด ต้องรับประทานยาใหม่ และไม่แนะนำให้รับประทานยาเกิน 4 เม็ด หรือ 2 กล่องต่อเดือน
ทุกคนสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ในเวลาที่ไม่พร้อมได้ เพียงรู้จักหาข้อมูลในการป้องกันอย่างถูกวิธี ผลที่จะเกิดขึ้นก็ลดน้อยลงค่ะ
และหากสาว ๆ คนไหนยังมีข้อสงสัย ก็สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนและการคุมกำเนิดได้ที่.. ‘PHARMASIS’ ร้านขายยาที่เข้าใจผู้หญิง ตามร้านขายยาที่อยู่ใกล้บ้านของทุกคนได้เลยค่ะ
ค้นหาร้านขายยาที่เข้าใจผู้หญิงใกล้บ้านได้ตามลิงก์นี้เลยนะคะ คลิก