ยาคุมฉุกเฉินเหมือนหรือแตกต่างจากยาคุมกำเนิดแบบธรรมดา? แล้ววิธีกินยาคุมฉุกเฉิน รวมทั้งผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินเป็นอย่างไรบ้าง? ไปดูกันเลย
ยาคุมฉุกเฉินชนิดเม็ด
จะเป็นฮอร์โมนที่เข้าไปชะลอกระบวนการตกไข่ ส่วนยาคุมฉุกเฉินชนิดห่วงทองแดงจะมีสารที่เข้าไปทำลายไข่และเชื้ออสุจิไม่ให้เกิดการปฏิสนธิกันได้
ยาคุมฉุกเฉินชนิดไหนที่มีประสิทธิภาพมากกว่ากัน
ยาคุมฉุกเฉินทั้ง 2 แบบสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เหมือนกัน แต่ยาคุมฉุกเฉินชนิดห่วงทองแดงจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 99% และสามารถใส่ห่วงได้ภายใน 5-7 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ อีกทั้งยังช่วยคุมกำเนิดในระยะยาวได้ถึง 10 ปี แต่ก็ต้องใส่ห่วงนี้ไว้ตลอด
ส่วนยาเม็ดคุมกำเนิดแบบธรรมดา แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน) และยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียว ซึ่งทั้ง 2 ชนิดนี้มีประสิทธิภาพสามารถคุมกำเนิดได้ผล 99 เปอร์เซ็นต์เหมือนกัน ซึ่งใครจะเลือกกินแบบไหนก็ได้ อยู่ที่ว่าร่างกายของแต่ละคนจะเหมาะสมกับยาคุมกำเนิดประเภทใดมากกว่ากัน ซึ่งสามารถสังเกตได้จากอาการข้างเคียง หากกินเข้าไปแล้วรู้สึกว่าร่างกายผิดปกติก็ให้เปลี่ยนไปกินยาคุมกำเนิดอีกประเภทหนึ่งแทน
ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบธรรมดา มีกี่ชนิด?
ยาคุมชนิด 21 เม็ด และยาคุมชนิด 21 + 7 สำหรับยาคุมชนิด 21 เม็ด ต้องกินแผงแรกให้หมดก่อน จากนั้นหยุดกินยาไป 7 วัน แล้วก็ให้เริ่มกินยาแผงใหม่ในวันที่ 8 ซึ่งไม่ต้องสนใจว่าประจำเดือนจะหมดแล้วหรือยังไม่หมดก็ตาม แต่สำหรับยาคุมชนิด 21 + 7 นั้น 21 เม็ดแรกจะเป็นฮอร์โมน ส่วน 7 เม็ดหลังจะเป็นเม็ดแป้ง ซึ่งเมื่อกินหมดแผงแล้ว สามารถกินแผงต่อไปได้เลย
ยาคุมชนิด 24 + 4 เม็ด – สามารถกินยาทั้งสองแผงติดต่อกันได้เลย ไม่ต้องหยุดรอ และข้อดียังสามารถควบคุมระดับฮอร์โมนให้คงที
รู้หรือไม่ว่าไม่จำเป็นต้องรีบกินยาคุมฉุกเฉิน
แม้การรีบกินยาคุมฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์โดยเร็วที่สุดจะเพิ่มโอกาสป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากินช้ากว่านั้นสัก 1-2 วันจะพลาดโอกาสป้องกันการตั้งครรภ์ไปซะทีเดียว ยาคุมฉุกเฉินสามารถกินหลังการมีเพศสัมพันธ์ได้ภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 75% ผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน
ผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินอันดับต้น ๆ ผู้กินจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดหัว เจ็บเต้านม เลือดออกเหมือนเป็นประจำเดือน ประจำเดือนมาผิดปกติ แต่อาการข้างเคียงเหล่านี้ก็ไม่ได้เกิดกับทุกคนนะคะ และที่สำคัญห้ามกินยาคุมฉุกเฉินเกิน 2 ครั้งต่อเดือน เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงกับรังไข่ในระยะยาวได้
แม้ว่ายาคุมกำเนิดจะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่ยาคุมกำเนิดแต่ละประเภทก็จะมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป อย่างยาคุมกำเนิดเเบบธรรมดาที่มีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาคุมกำเนิดเเบบฉุกเฉินที่ไม่ควรรับประทานเกิน 2 ครั้งในชีวิต เพราะทำให้เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง หรือกระทบต่อรังไข่ มดลูก และการที่ร่างกายรับสิ่งใดมากเกินไปย่อมไม่ดีอย่างแน่นอน และที่สำคัญควรมีเพศสัมพันธ์ที่ป้องกันทุกครั้ง เพื่อไม่ให้มีผลเสียตามมาภายหลังกันนะคะ
และหากสาวๆ คนไหนยังมีข้อสงสัย ก็สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนและการคุมกำเนิดได้ที่.. ‘PHARMASIS’ ร้านขายยาที่เข้าใจผู้หญิง ตามร้านขายยาที่อยู่ใกล้บ้านของทุกคนได้เลยค่ะ
ค้นหาร้านขายยาที่เข้าใจผู้หญิงใกล้บ้านได้ตามลิงก์นี้เลยนะคะ คลิก