มันคงมีความรู้สึกโหว่งๆ บ้างนะคะ หากต้องเลิกรากับใครสักคน โดยเฉพาะคนที่เรารัก หรือเคยรัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เราจมดิ่งไปห้วงลึกสุดของจิตใจและคิดว่า เราทำอะไรผิดไป? อยากให้เธอกลับมาได้ไหม? แม้รู้คำตอบอยู่ดี แต่มันเศร้าเกินไปที่จะยอมรับความจริงตรงหน้า…
การที่เรายังจมอยู่กับความเสียใจ ความรู้สึกเหมือนมีก้อนหนักๆ ทับอยู่ที่อก หายใจก็ไม่อิ่ม อยากจะหลุดพ้นแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง?
ไม่เป็นไรเลยนะ ความรู้สึกเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็เคยพบเจอ ซิสเองก็เคยผ่านจุดนั้นมาเหมือนกัน วันนี้ซิสอยากจะชวนสาวๆ มาทำความเข้าใจกลไกของความเสียใจในมุมมองของจิตวิทยา และค่อยๆ หาทางก้าวข้ามมันไปด้วยกันนะ ซิสเชื่อว่าสาวๆ ทำได้แน่นอน
สาเหตุที่ทำให้เรา “มูฟออน” ไม่ได้สักที
เคยสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงยังติดอยู่ที่เดิม วนเวียนกับความรู้สึกเก่าๆ ทั้งๆ ที่ใจก็อยากจะไปต่อใจจะขาด ลองมาดูกันนะว่ามีอะไรบ้างที่อาจจะกำลังดึงรั้งสาวๆ เอาไว้ ซิสช่วนสาวๆมารู้จัก “สามเหลี่ยมแห่งความเศร้า” กันค่ะ
วงจรสามเหลี่ยมแห่งความเศร้า
สามเหลี่ยมแห่งความเศร้าที่กักขังเราไว้ ทำให้เราไม่สามารถหลุดออกไปจากความเสียใจนี้ มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกสามอย่างที่แยกจากกัน แต่มันคือ วงจรลูป ที่แต่ละมุมจะส่งผลกระทบถึงกันและกันทำให้เรายิ่งดิ่งลึกลงไปในความเศร้าและหลุดออกมาได้ยากขึ้น
- มุมที่ 1: ความสับสนและความไม่เข้าใจ: “มันเกิดอะไรขึ้น?” “ทำไมต้องเป็นเรา?” คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัว พยายามหาเหตุผล หาคำอธิบาย แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน ยิ่งไม่เข้าใจ ทำให้เราติดอยู่กับอดีต ไม่สามารถปล่อยวางได้ เพราะใจยังอยากจะคลี่คลายปมที่ค้างคาอยู่ (→ เมื่อสับสนและไม่เข้าใจ ก็จะยิ่งทำให้เราไปยึดติดกับอดีตมากขึ้น เพื่อพยายามหาคำตอบ)
- มุมที่ 2: การยึดติดกับอดีตและความรู้สึกดีๆ ที่เคยมี ภาพความทรงจำเก่าๆ ช่วงเวลาแห่งความสุข รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ มันหอมหวานและยากที่จะลืมใช่ไหมล่ะ? การโหยหาความรู้สึกเหล่านั้นทำให้เราไม่อยากยอมรับความจริงในปัจจุบัน และยังคงยึดติดอยู่กับสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว การเปรียบเทียบปัจจุบันกับอดีตที่สวยงามยิ่งทำให้การมูฟออนเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก (→ การยึดติดกับอดีตที่สวยงาม เมื่อมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ก็จะนำไปสู่ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจ)
- มุมที่ 3: ความรู้สึกโกรธแค้นและเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง ความผิดหวัง ความสูญเสีย มันนำมาซึ่งความโกรธ ไม่ว่าจะเป็นโกรธตัวเอง โกรธคนอื่น หรือโกรธโชคชะตา ความโกรธนี้มักจะมาพร้อมกับความเศร้าเสียใจอย่างหนักหน่วง ความรู้สึกเหล่านี้มันบั่นทอนพลังใจของเรา ทำให้เรารู้สึกเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไร ไม่อยากจะเริ่มต้นใหม่ (→ ความโกรธและความเศร้าเสียใจนี้ ก็จะยิ่งทำให้เรากลับไปสับสนและตั้งคำถามว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้น วนกลับไปที่มุมที่ 1 อีกครั้ง)
เห็นไหมคะสาวๆ ว่ามันเป็นลูปที่ดูดพลังเราขนาดไหน เมื่อเราติดอยู่ในมุมใดมุมหนึ่ง มันก็จะลากเราไปอีกมุมหนึ่ง แล้วก็วนกลับมาที่เดิม ทำให้เราจมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ และหาทางออกไม่เจอ การตระหนักรู้ว่าเรากำลังติดอยู่ในวงจรนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญมากในการจะทำลายมันลงนะคะ
พฤติกรรมที่ยิ่งทำ ยิ่งตอกย้ำความเศร้า “ไม่ควรทำ” เด็ดขาด!
เมื่อเราเสียใจมากๆ บางทีเราอาจจะทำบางสิ่งบางอย่างที่คิดว่าจะช่วยให้ดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วมันกลับยิ่งทำให้น้องจมดิ่งและมูฟออนได้ยากขึ้นไปอีกนะ ซิสอยากให้สาวๆ ลองเช็กดูว่าเผลอทำสิ่งเหล่านี้อยู่หรือเปล่า
- การหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ทำให้เศร้า การนั่งดูรูปเก่าๆ อ่านข้อความเดิมๆ หรือวนคิดถึงแต่เรื่องที่ทำให้เสียใจซ้ำๆ มันเหมือนกับการเอามีดกรีดแผลเดิมให้ลึกกว่าเก่า การจมอยู่กับอดีตมากเกินไปจะปิดกั้นโอกาสที่เราจะได้เห็นสิ่งดีๆ ในปัจจุบันและอนาคตนะ
- การปิดกั้นตัวเอง หรือเลือกที่จะอยู่คนเดียว ซิสเข้าใจว่าเวลาเสียใจ เราอาจจะไม่อยากเจอใคร ไม่อยากพูดคุยกับใคร แต่การแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวมากเกินไป อาจจะทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวและจมอยู่กับความคิดของตัวเองมากขึ้น ลองเปิดใจให้เพื่อนสนิทหรือครอบครัวที่สาวๆ ไว้ใจได้รับรู้ความรู้สึกของสาวๆ บ้างนะ การมีคนรับฟังมันช่วยได้จริงๆ
- การใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์เพื่อระบายความรู้สึก สาวๆ อาจจะคิดว่ามันช่วยให้ลืมหรือรู้สึกดีขึ้นได้ชั่วขณะ แต่วิธีนี้มันอันตรายมากๆ เลยนะ เพราะมันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แถมยังส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและใจในระยะยาวอีกด้วย เมื่อสร่างเมา ความเศร้ามันก็ยังรอเราอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือปัญหาใหม่ๆ ที่อาจจะตามมา
วิธีมูฟออนจากความเศร้าและเสียใจ
เอาล่ะ… หลังจากที่เราเข้าใจแล้วว่าอะไรที่มันฉุดรั้งเราไว้ ทีนี้มาดูกันว่าเราจะค่อยๆ ก้าวออกมาจากความเสียใจนั้นได้อย่างไรบ้าง ซิสมีวิธีที่อยากให้สาวๆ ลองเอาไปปรับใช้ดูนะ

ก้าวแรก: รับรู้และยอมรับความจริง
- รับรู้สาเหตุของความเสียใจ: ลองใช้เวลานั่งเงียบๆ กับตัวเอง ถามใจตัวเองดูว่าอะไรคือต้นตอของความเสียใจครั้งนี้ การเข้าใจสาเหตุจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมและจัดการกับความรู้สึกได้ตรงจุดมากขึ้น ไม่ต้องกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมันนะ
ก้าวที่สอง: ยอมรับความจริง
- ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น: นี่อาจจะเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด แต่ก็สำคัญที่สุดเช่นกัน ยอมรับว่าสิ่งนั้นมันได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ และเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว หยุดตั้งคำถามว่า “ทำไม” เพราะบางครั้งมันก็ไม่มีคำตอบที่เราพอใจ การยอมรับไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นการเปิดประตูให้ตัวเองได้ก้าวต่อไป
ก้าวที่สาม: ระบายความรู้สึกออกมาบ้าง
- หาใครสักคนที่ไว้ใจแล้วระบายออกมา: อย่าเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้คนเดียว การได้พูดคุย ได้ระบายความโกรธ ความแค้น ความเสียใจออกมาให้ใครสักคนที่พร้อมจะรับฟังโดยไม่ตัดสิน มันช่วยลดความหนักอึ้งในใจเราได้มากจริงๆ นะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิท คนในครอบครัว หรือนักจิตวิทยาก็ได้
- หากิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยปลดปล่อย: ถ้าไม่ถนัดพูด ลองเขียนระบายความรู้สึกเป็นไดอารี่ วาดรูป ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมที่สาวๆ ชอบและรู้สึกผ่อนคลาย การได้โฟกัสกับสิ่งอื่นบ้างจะช่วยให้เราหลุดจากวังวนความคิดเดิมๆ ได้
ให้เวลาช่วยเยียวยา
- การมูฟออนมันไม่มีทางลัด ทุกอย่างต้องใช้เวลา ให้เวลากับตัวเองได้ค่อยๆ เยียวยาบาดแผลในใจ อย่ากดดันตัวเองว่าต้องหายเศร้าเร็วๆ แต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากันจริงๆ แค่อนุญาตให้ตัวเองได้รู้สึก และเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งมันจะดีขึ้นแน่นอน
- อย่าลืมกลับมาใส่ใจตัวเอง มองหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว ลองทำในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ทำให้ยิ้มได้ อาจจะเป็นการดูหนังตลก อ่านหนังสือที่ชอบ ปลูกต้นไม้ หรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง ความสุขเล็กๆ เหล่านี้จะค่อยๆ เติมพลังใจให้สาวๆ เอง และเมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้น ลองตั้งเป้าหมายเล็กๆ ในชีวิตดูนะ อาจจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือทำอะไรที่ไม่เคยทำ การมีเป้าหมายจะช่วยให้สาวๆ รู้สึกมีคุณค่าและมีทิศทางในการก้าวต่อไป
ซิสอยากจะบอกสาวๆ อีกครั้งว่าเก่งมากๆ แล้วนะที่พยายามจะมูฟออน การเดินทางครั้งนี้อาจจะต้องใช้เวลาและความเข้มแข็ง แต่ซิสเชื่อมั่นในตัวสาวๆ เสมอ อย่าลืมกอดตัวเองแน่นๆ ให้กำลังใจตัวเองเยอะๆ และถ้าวันไหนที่รู้สึกไม่ไหวจริงๆ อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือนะ ซิสและคนรอบข้างที่รักสาวๆ พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ สู้ๆ นะคะคนเก่ง!
อ่านแล้วอาจดูเหมือนง่ายนะคะ แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาเยียวยาเสมอ อย่าได้กดดันตัวเองหรือฝืนทำสิ่งที่ไม่อยากทำนะคะ..เวลาเหล่านี้นี่แหละ จะเป็นเวลาที่เราจะได้ทำสิ่งที่อยากทำ
และเมื่อเราดีขึ้นแล้วหลังจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปค่ะ ซิสอยากให้สาว ๆ เอาความรู้สึกและความทรงจำนี้ไปไว้ในส่วนหนึ่งของจิตใจ และย่ำเตือนตัวเองเสมอว่าเรามีค่ามากพอ
