“น้ำเปล่า” สามารถรักษาโรคได้จริงๆหรือ? ใครฟังแล้วก็ไม่เชื่อ งั้นไปดูกันดีกว่าว่าจะต้องดื่มน้ำเปล่าอย่างไร เท่าไร แล้วรักษาโรคอะไรได้บ้าง ตามมาเลยค่ะ

 

1. ท้องผูก

สาเหตุของอาการท้องผูกมักมาจากอาหารการกินที่เราทานเข้าไป ทำให้อุจจาระของเราขาดความอ่อนนุ่ม อัดรวมเป็นก้อนแข็งใหญ่ ทำให้ถ่ายลำบาก (หรือไม่ถ่าย) การดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น จะช่วยให้อาการท้องผูกลดลงได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะการดื่มน้ำอุ่นในตอนเช้า และดื่มน้ำตามหลังจากทานอาหาร ไปจนถึงน้ำเปล่าอีก 1 แก้วก่อนนอน

 

2. โรคริดสีดวงทวาร

ต่อจากอาการท้องผูก หากอุจจาระอ่อนนุ่มลง เราก็จะมีโอกาสเป็นโรคริดสีดวงทวารน้อยลงเช่นกัน เพราะฉะนั้นหากไม่อยากเป็นโรคริดสีดวงทวาร นอกจากการเลือกทานอาหารที่มีกากใยอาหารสูง ลดการทานอาหารที่มีแป้ง และไขมันสูงแล้ว ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวันด้วย

 

 

3. ปวดศีรษะ/ไมเกรน

ใครที่มีอาการปวดศีรษะ หรือปวดไมเกรนเป็นโรคประจำตัวอยู่แล้ว หากไม่อยากมีอาการปวดบ่อยๆ หรือไม่อยากทานยาบ่อย สามารถจิบน้ำเปล่าดื่มระหว่างวันได้ ช่วยลดอาการปวดศีรษะได้ดีเลยทีเดียว

 

4. ความดันโลหิตสูง

การดื่มน้ำน้อยเกินไป ทำให้เลือดของเราข้น ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานหนักขึ้นไปด้วย นั่นจึงทำให้หลอดเลือดมีความดันมากขึ้น จนอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หรือคนที่มีอาการความดันโลหิตสูงอยู่แล้วก็อาจมีอาการหนักขึ้นได้ เพราะฉะนั้นหากเราดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน ก็จะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ง่ายขึ้น

 

5. โรคอ้วน

ใครที่ต้องการลดน้ำหนัก ลองดื่มน้ำเปล่าระหว่างวันให้มากขึ้น จะช่วยให้เราไม่หิวบ่อยระหว่างวัน และดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวานไปได้เลย ใครที่เป็นโรคอ้วนอยู่แล้ว ลองดื่มน้ำควบคู่ไปกับการลดทานแป้ง น้ำตาล ไขมันไม่ดี และออกกำลังกายด้วย ช่วยลดน้ำหนักได้แน่นอน

 

6. กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

การดื่มน้ำน้อย และต้องกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ทำให้มีโอกาสเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นหากคุณดื่มน้ำให้มากขึ้น และลุกไปเข้าห้องน้ำทันทีที่ปวดปัสสาวะ ก็จะไม่เป็นโรคนี้อย่างแน่นอน

 

เห็นความสำคัญของการดื่มน้ำเปล่ากันแล้วหรือยังคะ หากแต่จะช่วยป้องกันการเกิดโรค หรือช่วยบรรเทาให้อาการของโรคเหล่านั้นลดน้อยลงอีกด้วยค่ะ

(Visited 1,340 times, 1 visits today)