12 ผู้หญิงเก่งที่ ‘ก้าว(ไปข้าง)หน้า’
และถัดจากนี้ คือตัวอย่างของสตรีผู้ประสบความสำเร็จในการ ‘ก้าวไปข้างหน้า’ ภายใต้สังคมที่ยังปกคลุมไปด้วยวัฒนธรรมชายนำหน้า ได้อย่างองอาจ โดดเด่น ยากจะหาใครเสมอเหมือน
ลองมาดูกันไหม ว่าเหล่าสตรีแห่งยุคสมัยถัดไป พวกเธอได้ ‘ก้าวไปข้างหน้า’ ถึงไหนแล้ว ?
1. Cressida Dick – นายหญิงคนใหม่แห่งสำนักงานตำรวจแห่งกรุงลอนดอน
Quote : นี่เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมและความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ดิชั้นขอขอบคุณทุกๆ คนที่ส่งเสริมและสนับสนุนในตลอดเส้นทางที่ผ่านมา ขอสัญญาว่าจะปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถร่วมกับผู้ใต้บังคับบัญชาแห่งกรมตำรวจ เพื่อความผาสุกของประชาชนชาวลอนดอน
การที่สตรีผู้หนึ่ง ก้าวขึ้นมาเป็นหัวแถวอย่างผู้บัญชาการตำรวจ ในประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญอย่างการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นั้น ดูจะเป็นโจทย์สำคัญสำหรับ Cressida Dick ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจคนใหม่ ซึ่งการขึ้นมาของหัวเรือใหญ่แห่งหน่วยงานที่เป็นผู้หญิงเช่นเธอ อาจจะช่วยให้องค์กรที่ทำหน้าที่รักษาความสงบของลอนดอน ได้ใช้ความละเอียดและมุมมองที่หลากหลายในการจัดการกับปัญหาที่จะทวีความซับซ้อนขึ้นได้เป็นอย่างดี รวมถึงการจัดระเบียบองค์กรที่รกรุงรัง เพื่อเตรียมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่จะมาถึงอย่างแน่นอนในเวลาข้างหน้า
2. Zaha Hadid – ถอดรื้อ/ประกอบสร้าง/ทางสถาปัตย์
Quote : ส่วนตัวแล้ว ชั้นไม่เคยคิดว่าสถาปัตยกรรมมันเป็นเพียงเรื่องของที่อยู่อาศัย หรือพื้นที่ปิดอันเรียบง่ายดาษดื่น แต่มันควรจะต้องทำให้ผู้พบเห็นตื่นตะลึง ทำให้ผู้พบเจอได้สงบใจ และทำให้เกิดการกระตุ้นความคิดในอีกระดับ
แนวคิดสถาปัตยกรรมแบบ Deconstructivism ที่ถอดรื้อโครงสร้างอาคารแบบเดิมๆ และเชื่อมโยงให้ฟังก์ชันการใช้งานนั้นมีความหลากหลาย ลื่นไหลไปกับเส้นสายได้ประหนึ่งจะไร้ขีดจำกัด ได้ท้าทายทั้งแนวคิดของการออกแบบ (ที่เดิม การแบ่งฟังก์ชันคือสิ่งที่จำเป็นต้องพิจารณาเป็นลำดับแรก) และแวดวงวัสดุก่อสร้าง (งานสถาปัตย์ของ Zaha Hadid หลายชิ้น เรียกร้องให้มีการค้นคว้าเทคนิคพิเศษสำหรับวัสดุในการก่อสร้าง) เรียกว่าการมีอยู่ของแนวคิดของเธอ เป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่มีต่อเวทีสถาปัตยกรรมเลยก็ว่าได้
3. Ellen DeGeneres – เสียงหัวเราะอันเป็นสากล
Quote : โลกของเราตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความคิดในแง่ลบ และการตัดสินคนอื่นมากเหลือเกิน ชั้นเริ่มคิดว่า บางที เราน่าจะทำการโค้งหักศอกไปหาความสนุกสนานและความสุข มันอาจจะฟังดูโลกสวยนะ แต่เราน่าจะเริ่มแหกโค้งกันได้แล้วอ้ะ!
การเป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลในแวดวงบันเทิงนั้นไม่ใช่เรื่องที่ได้มาอย่างง่ายๆ โดยเฉพาะกับการเปิดตัว (Come Out) เพศสภาพของตนเองในช่วงปลายทศวรรษที่ 90 ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ๆ กระแสและความเคลื่อนไหวด้าน LGBT ยังคงไม่เข้มข้นและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายเช่นในปัจจุบัน นับเป็นความกล้าหาญสำหรับการบุกเบิกและยืนยันในสถานะของตนเองได้อย่างมั่นคง และเป็นตัวอย่างให้กับคนในวงการบันเทิงผู้เป็น LGBT ได้เปิดเผยตนเองได้อย่างสง่างามอย่างมาก
4. Selena Williams – ราชินีแห่งลูกสักหลาด
Quote : ความสำเร็จของสตรีควรถูกส่งต่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนหญิงคนอื่นๆ ที่ๆ เราจะช่วยกันประคองซึ่งกันและกัน และขอให้พึงระลึกว่า คุณจะต้องมีความกล้าหาญ แข็งแกร่ง มีจิตใจที่ดี และเหนือสิ่งอื่นใดคือ อ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอ
แม้จะมีตัวอย่างของนักเทนนิสหญิงระดับตำนานอย่าง Steffi Graf มาก่อนหน้านั้น แต่ Selena Williams กลับเป็นผู้ที่ทลายขีดจำกัดที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน อย่างการคว้าแชมป์ในรายการ Grand Slam อย่างต่อเนื่องและมากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น และเป็นข้อพิสูจน์ว่า ขีดจำกัดใดๆ นั้น สามารถทลายล้างลงไปได้ ด้วยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ความทุ่มเท และการสู้ไม่ถอย โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นเพศหรือสถานะใด
5. Malala Yousafzai – วีรสตรีแห่งปากีสถาน
Quote : ไกปืน สังหารได้เพียงแค่ร่างกายของผู้ก่อการร้าย แต่การศึกษาจะสังหารได้ทั้งกระบวนการการก่อการร้าย
มาลาลาเน้นเรื่องสิทธิสตรีและการศึกษาของเด็ก เพราะนี่คือสิ่งที่สตรีปากีสถานและสตรีมุสลิมฝั่งตะวันออกกลางถูกกดทับให้ทนทุกข์ทรมานมาเนิ่นนาน โดยเธอลงสมรภูมิต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เป็นใหญ่ในบ้านเกิดเมืองนอนด้วยอาวุธที่มีเพียงหนึ่งเดียว คือ ความรู้ ปัจจุบัน สถานการณ์ของเด็กและสตรีในปากีสถานมีสัญญาณที่ดีขึ้น และจากการต่อสู้ของมาลาลา ทำให้ UN ประกาศให้วันที่ 12 กรกฎาคม เป็นวันเพื่อการศึกษาของเด็กทั่วโลก หรือ Malala Day
6. Lady Gaga – สตรีผู้ยึดมั่นใน ‘สิ่งที่ชั้นเป็น’
Quote : อย่าสนใจความเกลียดชังและเสียงวิจารณ์ที่คุณได้รับ จงใช้ชีวิตกับสิ่งที่คุณเป็นและตายไปพร้อมกับมัน
เนื้อหาของเพลง ‘Til It Happen To You’ กล่าวถึงความเจ็บปวดของเหยื่อ ทีผู้คนไม่สามารถเข้าใจได้จนกว่าจะเกิดขึ้นกับตนเอง เธอจึงใช้เพลงนี้เพื่อเป็นสื่อในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของผู้เสียหายให้บุคคลทั่วไปได้รับรู้ นอกจากนั้นเธอยังมอบรายได้จากเพลงนี้ในช่องทางออนไลน์ไปบริจาคให้องค์กรที่ช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกกระทำรุนแรงทางเพศอีกด้วย
7. Ashley Graham – ความงามพลัสไซส์
Quote : ชั้นไม่เคยรู้สึกว่าตนเองจะเข้าได้กับมาตรฐานใดอย่างที่ควร และมักจะถูกบอกปฏิเสธในทุกๆ ความหวังและความฝันอยู่ร่ำไป แน่นอนว่าชั้นไม่เคยลืมมัน และจะไม่ยอมให้ใครมาทำให้ต้องล้มลงจากสิ่งเหล่านั้น คุณเองก็เช่นกัน เพราะท้ายที่สุด คุณสามารถทำและเป็นได้ในทุกสิ่งที่ต้องการ อย่าให้กายภาพเป็นตัวเหนี่ยวรั้งคุณไว้เด็ดขาด
การมาถึงของ Ashley Graham นั้น สั่นสะเทือนโลกแห่งความงามสมกับขนาดพลัสไซส์ของเธอ เพราะมายาคติเรื่องความงามกับทรวดทรงอันผอมเพรียวนั้น ได้ครอบงำฐานคิดของผู้รับสื่อทั้งชายและหญิงมาโดยตลอด และมันยากที่จะเชื่อได้ ว่าสาวที่มีขนาดเอวเกินกว่าไซส์ S จะสามารถขึ้นมาเป็นแถวหน้าของโลกโมเดลลิ่งและนางแบบความงาม แต่ Ashley Graham ก็พิสูจน์แล้วว่า ข้อครหาเหล่านั้น ไม่มีความหมายใด และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทั่วโลกให้หันมาใส่ใจกับความงามที่เป็นตัวเอง
8. Associate Prof. Dr.Chalidaporn Songsamphan – การเมืองคือเรื่องใกล้ตัว
Quote : ความรักนี่โคตรมหาการเมืองเลย เพราะเต็มไปด้วยกติกาว่าคุณทำอะไรได้บ้าง ทำอะไรไม่ได้บ้าง ยกตัวอย่างเช่น สังคมไม่ได้ปล่อยให้คุณรักใครก็ได้ เช่น คุณมีเพศสภาพชาย ถ้าคุณรักคนที่มีเพศสภาพชายด้วยกัน ผิด เพราะสังคมไม่ยอม
รัฐศาสตร์ การเมือง การปกครองนั้นถือได้ว่าเป็นยาขมสำหรับสังคมที่พึ่งเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบของการมีส่วนร่วมทางประชาธิปไตย (ที่ลุ่มๆ ดอนๆ) ในรอบสี่ทศวรรษ แต่ทุกบทความของอาจารย์ชลิดานั้น กลับเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ชัดเจน และตั้งอยู่บนหลักการที่สามารถสืบค้นย้อนกลับไปได้ (ไม่เว้นแม้แต่คอลัมน์ที่เกี่ยวกับความรัก ที่ยากจะหาใครมองในเชิงโครงสร้างได้อย่างถี่ถ้วน) อันเป็นแนวทางแบบก้าวหน้า ที่ไม่เพียงแต่สตรีจะได้ประโยชน์ แต่สังคมไทยที่กำลังเรียนรู้ผ่านการลองผิดลองถูกก็น่านำเอาแนวทางเหล่านี้ไปปรับใช้กันโดยทั่วกัน
9. Veeraporn Nitiprapha – อัสดงและวงกตอันงดงามแห่งแวดวงวรรณกรรม
Quote : ไม่เคยคิดว่านักเขียนมีหน้าที่ต้องสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่ได้คิดว่าการเขียนหนังสือหนึ่งเล่มจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แม้กระทั่งจะได้รางวัลโนเบลก็เถอะ เพราะส่วนตัวเขียนด้วยความรู้สึกคับข้องขุ่นข้องหมองใจ จึงต้องเขียนเพื่อบำบัดใจตัวเอง มันเหมือนมีคำถามออกไปมากกว่า ส่วนคำถามนี้จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงไหม ไม่ทราบ มันไม่ใช่เรื่องที่นักเขียนจะคาดหวังได้
นับตั้งแต่ ‘ความสุขของกะทิ’ ของคุณงามพรรณ เวชชาชีวะ ได้รับรางวัลซีไรต์ในปี 2548 ก็เป็นเวลาที่นานมาก ที่ไม่มีนักเขียนหญิงคนใดเดินขึ้นสู่เวทีอันทรงเกียรตินี้ ซึ่งพี่แหม่มเองก็ได้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการคิดในเชิงบวกทางงานเขียน กล้าที่จะเล่นกับเทคนิคการนำเสนอ และไม่เหนี่ยวรั้งตัวเองในการพูดถึงประเด็นที่ละเอียดอ่อน แต่เปิดเปลือยทางความรู้สึก ผ่านวรรณศิลป์และลีลาอันงดงามที่ไม่เหมือนใคร และน่าจะเป็นการเปิดช่องทางให้นักเขียนหญิงได้เข้ามาสู่แวดวงวรรณกรรมที่เข้มข้นและจริงจังได้มากขึ้น
10. Praya Lundberg – นางฟ้าของผู้ลี้ภัย
Quote : ถ้าจะให้ปูพูดถึงบ้าน ปูนึกถึงประเทศไทย ปูรักบ้านและประเทศของปูมาก และถ้าชีวิตนี้ปูไม่ได้กลับบ้านของปู ซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำและความอบอุ่น ปูจะพยายามจนสิ้นลมหายใจสุดท้ายของปู เพื่อให้ได้กลับบ้าน เพราะสุดท้ายแล้ว บ้านคือสิ่งที่สำคัญในหัวใจของทุกคน
จากความพยายาม และการลงพื้นที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างแข็งขันของเธอ ทำให้ ไปรยา ได้รับการคัดเลือกให้เป็นทูตสันถวไมตรีของ UNHCR ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2017 ที่ผ่านมา ไม่เพียงแค่นั้น ก่อนหน้านี้ ไปรยา ยังเคยเป็นสปีคเกอร์ ขึ้นพูดสร้างแรงบันดาลใจบนเวที TED บอกเล่าถึงการเติบโตมาท่ามกลางสังคมที่ผสมผสาน ทั้งในด้านวัฒนธรรม และชนชั้นทางสังคม ซึ่งบทเรียนและประสบการณ์ชีวิตที่ได้พบเจอ ล้วนเป็นผลหล่อหลอมให้เธอเป็น ปู-ไปรยา ที่สวยสง่างาม ทั้งเรือนร่างและความคิดอย่างในปัจจุบัน
11. Jomkwan Laopet – สตรีแกร่งแห่งสื่อสารมวลชน
Quote : เราเป็นสื่อไม่ใช่ศาล ไม่ใช่ผู้พิพากษา ฉะนั้นคนดูต้องทำหน้าที่นั้น ไม่ใช่เรา
บทบาทที่สำคัญที่สุดของจอมขวัญในฐานะสื่อมวลชนคือการนำเสนอข้อมูลข่าวสารโดยพยายามให้มีความรอบด้านมากที่สุด การนำบุคคลสำคัญของประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคมของทั้งสองฝั่งหรือมากกว่านั้นมาอภิปรายและโต้เถียงกันในรายการ และทำการย่อยข้อมูลต่างๆ ให้เข้าถึงได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ย่อมเป็นผลให้เกิดความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารของประชาชนเพิ่มขึ้นนั่นเอง
12. Nutcha Tantivitayapitak – โลกผ่านเลนส์ในมุมมองของสตรี
Quote : คิดว่าครอบครัวเป็นหลักที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะพ่อเป็นคนสนใจการเมืองอยู่แล้ว เขาจะเล่าเรื่องการเมืองให้ฟังตั้งแต่เด็ก พาไปงาน 14 ตุลา 6 ตุลา ที่ท่าพระจันทร์ ที่บ้านคุยเรื่องการเมืองกันประจำ คุยทุกเรื่อง ถกกันยาวเลย บางทีเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียด แต่มันก็ดี
ในสภาวะสังคมที่ยังเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความกังขา การตั้งคำถาม และความไม่แน่นอนต่อทิศทางที่จะต้องมุ่งหน้าต่อไป ภาพยนตร์สารคดีของน้องตัง ที่ถ่ายทอดในประเด็นที่เปราะบางเช่นคดีการเมือง ความเสมอภาค ประชาธิบไตย และการคงอยู่ของเสียงอันเสรีนี้ กลับเปรียบได้เช่นเดียวกับยาสมานแผล และบทเรียนอันเรียบง่ายงดงาม ทรงพลัง และจู่จับเข้าสู่ประเด็นที่เราทั้งหมดควรใคร่ครวญไตร่ตรอง ทบทวน และเรียนรู้ เพื่อมุ่งหน้าต่อไป
ขอบคุณที่มารูปภาพและเนื้อหาจาก: 247freemag / NBCnews / USmagazine
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่: www.facebook.com/NeverSurrenderThailand