พิกัด 7 อันซีนไทยแลนด์ที่เราอยากชวนคนรักไปเที่ยว

ใครเป็นคู่รักสายแอดเวนเจอร์รักการท่องเที่ยวเชิญมาทางนี้เลย วันนี้เรามีพิกัด 7 ที่เที่ยวสุดอันซีนในประเทศไทย ซึ่งบางแห่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ underrated มากๆ แบบบางทีก็ลืมนึกถึงไปเลย ใครที่อยากมีโมเม้นต์แห่งความทรงจำในสไตล์ใหม่ไม่เหมือนที่ไหน อารมณ์เที่ยวไปด้วย เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นไปด้วย แถมได้ถ่ายรูปคู่รักไปด้วย งานนี้เตรียมเมมกล้องไว้ให้พร้อม แล้วแบกกระเป๋าไปลุยกันเลย

 

1. ไร่ชาลุงเดช (เชียงใหม่)

 

 

ไร่ชาออร์แกนิกที่ปลูกชาตามวิถียั่งยืนบนดอยม่อนเงาะ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของโครงการหลวง และตั้งอยู่สูงกว่า 1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่นี่เราจะได้เรียนรู้วิธีการปลูกชา การเก็บเกี่ยว ตลอดจนขั้นตอนการผลิต และการชิมรสชาติชา โดยมีไฮไลท์เป็นชาสายพันธุ์ดีอย่างชาเบอร์ 12 กับพันธุ์ก้านอ่อน ใครสนใจสามารถเข้าร่วมเวิร์กช็อปผลิตชา และการ DIY ของที่ระลึกจากใบชาด้วย

 

 

นอกจากนี้ เรายังสามารถไปนั่งพูดคุยกับปราชญ์ชาวบ้านอย่างคุณลุงเดชเจ้าของไร่เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องชา ท่ามกลางความสวยงามของดอยม่อนเงาะ ที่มีจุดชมวิวให้เราชมความงามของชั้นเขาแบบ 180 องศา ใครที่หลงสเน่ห์ของการใช้ชีวิตช้าๆ แต่ชิคๆ ในบรรยากาศเงียบสงบ อากาศบริสุทธิ์ ไม่ควรพลาดนะ
ต.เมืองก๋าย อ.แม่แตง เชียงใหม่ 

2. บ้านปางห้า (เชียงราย)

 

หมู่บ้านเล็กๆ สุดตะเข็บชายแดนเชียงรายไม่ไกลจากตลาดแม่สายแห่งนี้ มีโลเคชันอยู่ใกล้แม่น้ำรวกซึ่งเหมาะมากๆ กับการจูงมือคนรักไปปั่นจักรยานเล่นชิลๆ ที่นี่เป็นที่ตั้งของสวนเกษตรอินทรีย์ขนาดกะทัดรัด ให้เราได้เก็บผักผลไม้ปลอดสารพิษที่ชาวบ้านปลูกเอง อย่างมะเดื่อ ผักสวนครัว ข้าวโพด ไว้ทำอาหารกินที่โฮมสเตย์

 

 

แถมที่นี่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานกระดาษสาเล็กๆ ภายใต้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนจินนาลักษณ์ ที่ให้เราได้ฝึกทำกระดาษสาด้วยตัวเอง ผ่านกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมเพื่อรักษาภูมิปัญญาเก่าแก่ไว้ไม่ให้สูญหาย รวมถึงเวิร์กช็อปทำเทียนจิ๋วไว้เป็นของที่ระลึก ส่วนตกเย็นก็อย่าลืมจูงมือคนรู้ใจไปดูพระอาทิตย์ตกท่ามกลางทุ่งข้าวโพดกว้างด้วย
บ้านปางห้า ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย เชียงราย 

3. อำเภอบ่อเกลือ-ปัว (น่าน)

 

 

จังหวัดเล็กๆ แห่งนี้คือจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการไปใช้ชีวิตแบบ “สโลว์ไลฟ์” ท่ามกลางธรรมชาติเขียวชอุ่ม และไอหมอกหน้าฝน จุดหมายปลายทางที่ได้รับการกล่าวถึงบ่อยๆ คือหมู่บ้านสะปัน ในอำเภอบ่อเกลือ หมู่บ้านเล็กๆ ริมแม่น้ำมางแห่งนี้ รายล้อมด้วยทิวเขาและเป็นที่ตั้งของน้ำตกสะปัน แนะนำให้ค้างคืนที่นี่ซักคืนจะฟินนาเล่แบบสุดยอด

 

 

ถ้าใครขับรถมา เราแนะนำให้ไปแวะที่หมู่บ้านบ่อเกลือ โดยเราสามารถเข้าไปเรียนรู้วิธีการทำเกลือที่ได้จากบ่อเกลือภูเขาแห่งเดียวในโลก (ว่ากันว่าสะอาดเป็นอันดับ 5  ของโลก) แถมขับรถเลยไปอีกนิดเดียว ก็จะได้พบกับวิวอันตื่นตาของดอยภูคาแล้ว ที่นี่ยังมีทุ่งนาข้าวซึ่งเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล เหมาะแก่การโพสท่าถ่ายรูปเก๋ๆ มาก เสร็จแล้วอย่าลืมแวะกินข้าวชมฟาร์มเพาะเห็ดที่ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ที่วิวแบบ 180 องศาสุดลูกหูลูกตานั้นชวนให้ประทับใจไม่น้อย

ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ น่าน
ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ต.ศิลาแลง อ.ปัว น่าน

 

4. อุทัยธานี

 

 

 

เมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้อาจจะไม่ได้แมสเท่าที่อื่นๆ แต่จังหวัดอุทัยธานีก็มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อหลายแห่ง อย่างหุบป่าตาดซึ่งติดอันดับ Unseen Thailand นั้น เมื่อย่างเท้าเข้าไปในระบบนิเวศปิดแห่งนี้ เราจะรู้สึกราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในยุคจูราสิค โดยไฮไลท์สำคัญคือพืชดึกดำบรรพ์อย่างต้นตาด และกิ้งกือมังกรสีชมพู ที่ในไทยมีให้เห็นแค่ที่นี่เท่านั้น

 

 

ส่วนใครอยากไปสัมผัสวิถีเกษตรอินทรีย์ ที่ไร่ดินดีใจ ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 10 นาที มีสวนผลไม้ สมุนไพร ผักพื้นบ้าน รวมถึงผลผลิตแปรรูปจากสมุนไพรไร้สารเคมี อาทิ แชมพูใบหมี่ ส้มซ่า ใบมะกรูด ชารางจืด ชากระเจี๊ยบ พุทราป่า และน้ำมันหอมระเหยจากผิวมะกรูด หรือถ้าป่าดึกดำบรรพ์ฟังดูดิบไปหน่อย ลองแวะไปชิมขนมและไอศครีมมัลเบอร์รี่ที่ The Sun House ร้านกาแฟบ้านดินเก๋ๆ  วิวสวย หน้าตาขึ้นกล้อง ที่มีไร่มัลเบอร์รี่ให้เราชิมผลมัลเบอร์รี่สดๆ จากต้นก็เป็นเส้นทางที่น่าสนใจเหมือนกันนะ

 

 

หุบป่าตาด ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก อุทัยธานี
ไร่ดินดีใจ ต.เขากวางทอง อ.หนองฉาง 
อุทัยธานี
The Sun House ต.น้ำซึม อ.เมือง อุทัยธานี 

5. หมู่บ้านคีรีวง (นครศรีธรรมราช)

 

หมู่บ้านยูโทเปียอายุกว่า 300 ปีแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่ามีอากาศดีที่สุดในโลก ด้วยบรรยากาศสงบเงียบมีภูเขากับแม่น้ำล้อมรอบ นอกจากการจิบกาแฟ นอนโฮมเสตย์ กินผลไม้พื้นเมืองทั้งมังคุด ทุเรียน และเงาะ รวมถึงปั่นจักรยานชมรอบหมู่บ้านแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมดีๆ ที่จัดร่วมกับกลุ่มใบไม้ ให้เราทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ และสร้างสรรค์งานประดิษฐ์น่ารักๆ จากวัสดุธรรมชาติด้วย หรือคู่ไหนจะไปนั่งห้อยขาเล่นน้ำเย็นๆ ก็โรแมนติกไปอีกแบบ

 

หมู่บ้านคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา

 

6. เขาใหญ่ (นครราชสีมา)

 

 

แม้จะไม่ได้ติดโผ underrated destination กับเค้า แต่เขาใหญ่ก็เป็นที่เที่ยวธรรมชาติยอดนิยม เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใครจะไปเช้าเย็นกลับหรือจะออกทริป 2 วัน 1 คืน ก็ทำได้นะ ยิ่งช่วงปลายฝนต้นหนาวอากาศเย็นๆ ยิ่งทำให้เขาใหญ่น่าเที่ยวอีกเป็นเท่าตัว
แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่าที่เขาใหญ่ยังมีสวนกุหลาบสวยๆ บรรยากาศโรแมนติกที่ชื่อกลางพนา ไว้ให้เราเลือกเก็บและถ่ายภาพท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ หรือจะขับรถไปเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เลย ก็ได้ฟีลผจญภัยไปอีกแบบ
การได้ถ่ายรูปกับคนที่เรารักแบบมีแบ็คกราวน์ด้านหลังเป็นขุนเขาอันยิ่งใหญ่กับบรรยากาศสีเขียวขจีน่าจะทำให้รูปที่ออกมาดูสดชื่นชุ่มฉ่ำหัวใจได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ
สวนกุหลาบกลางพนา ต.หมูสี อ.ปากช่อง นครราชสีมา 

7. นาเกลือ-บ้านแหลม (เพชรบุรี)

 

 

คู่ไหนอยากได้บรรยากาศแปลกตาสักหน่อย ลองไปเดย์ทริปขับรถเที่ยวแถวเส้นบางตะบูน บ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรีดู ควรเติมพลังด้วยอาหารทะเลสดๆ และปูม้าเนื้อหวาน อีกหนึ่งจุดขายของถนนเส้นนี้ก็คือนาเกลือบ้านแหลม ที่ผู้ไปเยือนจะได้เรียนรู้กระบวนการผลิตเกลือตั้งแต่ต้นจนจบ และยังให้เราได้เลือกเก็บดอกเกลือ และ DIY แพ็คเกจจิ้งสวยๆ ในสไตล์เราเองด้วย

 

 

สำหรับคู่ไหนที่รักการถ่ายภาพ สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือการชมวิวพระอาทิตย์กำลังตกที่น่าเกลือ  รับรองว่าสวยงามจับใจโดยเฉพาะตอนแสงสีส้มสาดกระทบกับท้องน้ำ รับรองว่าภาพที่ได้มาจะโรแมนติกจนทุกคนต้องอิจฉาแน่นอน

นาเกลือบ้านแหลม ต.บางแก้ว อ.บ้านแหลม เพชรบุรี

 

Source: http://soimilk.com/destination/news/best-destinations-thailand-for-lovers

Scroll to Top