ยังมีผู้หญิงหลายคนที่น่าจะเคยได้ยินความเชื่อต่างๆ เกี่ยวกับยาคุมกำเนิดกันมาบ้าง บางเรื่องก็เป็นเรื่องจริง แต่อีกหลายเรื่องก็เป็นความเชื่อที่ผิดนะคะ เพราะฉะนั้นเพื่อให้เข้าใจอย่างถูกต้อง เราจึงเชิญ ภญ.อริ​ษา​ เกมะทายุง เภสัชกรสาวเจ้าของเพจเภสัชกรท่องโลก มาร่วมกันไขข้อข้องใจและให้ความรู้เกี่ยวกับความเชื่อทั้งหลายเกี่ยวกับยาคุมกับ 7 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดกันดีกว่าค่ะ

 

7 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการใช้ยาคุม

 

 

1. กินยาคุมกำเนิดทำให้อ้วน จริงหรือไม่?

เรื่องนี้เป็นเหตุผลแรกๆ ที่สาวๆ หลายคนกังวล เพราะรูปร่างเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่รู้ไหมคะว่ายาคุมที่เรากินกันทุกวันนั้นมีหลากหลายประเภท และมีฮอร์โมนหลายระดับแตกต่างกันออกไป ถ้าสาวๆ คนไหนกลัวกินยาคุมแล้วอ้วน บวมน้ำ ก็ลองขอคำปรึกษาจากเภสัชกรก่อนได้ ส่วนใหญ่จะแนะนำให้เริ่มกินยาคุมแบบที่มีปริมาณฮอร์โมนแบบต่ำดูก่อน เช่น รุ่นที่มี Estrogen (เอสโตรเจน)ในปริมาณ 0.02 mg หรือ EE20 ลงไป เพื่อความสวย เป๊ะ ปังกว่าเดิมต้องเลือกยี่ห้อที่เขียนกำกับไว้ว่ามี Drospirenone (ดรอสไพรีโนน) ด้วยนะคะ เพราะเจ้าฮอร์โมนตัวนี้จะช่วยลดอาการอ้วน บวมน้ำได้อีก รับรองหุ่นปัง ไม่มีพังแน่นอนค่ะ

 

 

2. กินยาคุมกำเนิดนานๆ จะทำให้เป็นหมันหรือมีลูกยาก จริงหรือไม่?

เรื่องการมีลูกง่ายหรือยาก จริงๆ แล้วเกิดจากหลายปัจจัยมากนะคะ ทั้งพันธุกรรม สุขภาพและความพร้อมของร่างกาย ความเครียด ช่วงเวลาตกไข่ แต่โดยปกติแล้วผู้หญิงเราเมื่ออายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป โอกาสที่จะตั้งครรภ์ก็จะค่อยๆ ลดน้อยลงไปอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากจำนวนไข่และคุณภาพของไข่ รวมถึงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะค่อยๆ ลดน้อยลง ดังนั้นความเชื่อที่ว่าการกินยาคุมกำเนิดทำให้มีลูกยากจึงถือว่าไม่จริงนะคะ เพราะยาคุมกำเนิดไม่ได้ส่งผลระยะยาว อย่างมากก็มีผลอยู่ได้ไม่เกิน 3 วัน และไม่ตกค้างสะสมค่ะ แต่เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเต็มที่ เราควรกินยาคุมต่อเนื่องทุกวันตามคำแนะนำในเอกสารกำกับยานะคะ

 

 

3. กินยาคุมกำเนิดแล้วต้องหยุดทุกๆ 2-3 เดือน เพื่อพักร่าง จริงหรือไม่?

เมื่อพูดถึงยา หลายคนก็ไม่อยากที่จะกินไปนานๆ เพราะกังวลว่าจะสะสมในร่างกายมากเกินไป แต่ความจริงแล้ว ยาคุมกำเนิดสามารถทานได้ต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นต้องหยุดค่ะ เพราะเมื่อหยุดทานยาคุมกำเนิด ประสิทธิภาพของยาคุมในการป้องกันการตั้งครรภ์และการช่วยปรับฮอร์โมนให้สมดุลอย่างต่อเนื่องก็จะหมดลงไป ทำให้อาจตั้งครรภ์ และฮอร์โมนอาจไม่สมดุลได้ ดังนั้นหากต้องการคุมกำเนิดอย่างมีประสิทธิภาพก็ควรทานยาคุมกำเนิดอย่างต่อเนื่องทุกวัน และไม่จำเป็นต้องหยุดพักร่างนะคะ

 

 

4. กินยาคุมกำเนิดนานๆ จะทำให้เป็นโรคมะเร็งมดลูก จริงหรือไม่?

จริงๆ แล้ว ยังไม่มีการยืนยัน 100% ว่ากินยาคุมกำเนิดจะทำให้เป็นโรคมะเร็งมดลูก ถ้าหากจะมีความเสี่ยงก็เป็นความเสี่ยงที่เล็กน้อยมากๆ และความเสี่ยงจะลดลงเรื่อยๆ จนเท่าคนปกติเมื่อเลิกทานประมาณ 10 ปี แต่ข้อดีคือมีผลวิจัยบอกว่าการกินยาคุมสามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งรังไข่ และโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงจมูกได้ถึง 10-12% หลังการใช้มา 1 ปี และลดความเสี่ยงมะเร็งดังกล่าวได้อีกประมาณ 50% เมื่อกินยาคุมไปประมาณ 5 ปี เลยนะคะ

 

 

5. กินยาคุมกำเนิดย้อนศรแล้วจะดี จริงหรือไม่?

ความเชื่อนี้มีมานานมากและไม่รู้ว่าใครเป็นคนริเริ่มนะคะ บางคนบอกว่าจะช่วยทำให้หน้าอกใหญ่ บอกเลยว่าเป็นความเชื่อที่ผิดนะคะ นอกจากจะไม่มีผลดีแล้ว ยังอาจจะทำให้เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์มากขึ้นด้วยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่กินยาคุมกำเนิดแบบ 28 เม็ด (24+4, 21+7) เพราะ 4 เม็ดหรือ 7 เม็ดหลัง เป็นแป้งที่ไม่มีผลต่อการคุมกำเนิดนั่นเองค่ะ

 

 

6. มีโรคประจำตัว เป็นไมเกรน ไทรอยด์ ป่วยง่าย ภูมิแพ้ ห้ามกินยาคุม จริงหรือไม่?

หลายคนที่มีโรคประจำตัว หรือสุขภาพไม่แข็งแรงนัก ก็มักจะระวังตัวเรื่องการกินยาต่างๆ ว่าจะเกิดอาการแพ้หรือไม่? จะส่งผลข้างเคียงหรือไม่? จนทำให้ไม่กล้าที่จะกินยาคุมกำเนิด เพราะกลัวว่าจะเกิดผลข้างเคียงต่อไต หลอดเลือด ความดันนั่นเอง จริงๆ แล้วเราไม่ต้องกังวลไปค่ะ ลองปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรดูก่อนได้ บางโรคก็สามารถทานได้ แต่ถ้ายังกังวลอยู่โดยส่วนใหญ่แล้วจะแนะนำยาคุมที่มีเอสโตรเจนในปริมาณน้อยๆ ก่อน เช่น 0.015 mg หรือ EE15 ยาคุมแบบนี้จะมีผลข้างเคียงน้อยจนแทบจะไม่มีเลยค่ะ

 

 

7. กินยาคุมกำเนิดทำให้ผมและขนยาวจริงหรือไม่?

อีกหนึ่งความเชื่อที่ผิด เพราะยาคุมนั้นไม่ว่าจะนำมากินหรือเอามาบดสระผมก็ไม่มีผลต่อความยาวของเส้นผมค่ะ ในยาคุมส่วนประกอบหลัก ๆ ก็จะมีฮอร์โมน Estrogen (เอสโตรเจน) และ Progestogen (โปรเจสโตเจน) ถึง 2 ตัวนี้จะเป็นฮอร์โมนเพศหญิง-ชาย แต่ฮอร์โมน 2 ตัวนี้ก็แทบไม่มีผลต่อเส้นผมเลยค่ะ ดังนั้นการกินยาคุมไม่ทำให้ผมและขนยาวขึ้นค่ะ

 

นอกจากความเชื่อผิดๆ ที่ได้บอกไปแล้ว อีก 1 เรื่องที่ไม่ใช่ความเชื่อ แต่เป็นประโยชน์ที่ได้จากการกินยาคุมกำเนิด ก็คือ ช่วยทำให้ผิวสวยใส ลดสิว ลดความมันของผิวและผม และลดอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ได้อีกด้วย ยิ่งถ้าเป็นยาคุมกำเนิดที่มี Drospirenone (ดรอสไพรีโนน) ก็จะช่วยลดอาการบวมน้ำ ไม่ทำให้อ้วน ดูหุ่นดีได้อีกนะจ๊ะ ส่วนใครที่ต้องการยาคุมกำเนิดที่ช่วยลดอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ไม่ว่าจะเป็นอาการอ้วนบวม ปวดท้องประจำเดือน คัดตึงหน้าอก สิวเมนส์ อารมณหงุดหงิด เป็นต้น ก็ให้เลือกใช้ยาคุมสูตร 24+4 เม็ด แต่ทั้งนี้ทุกคนควรต้องปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ยาคุมกำเนิดด้วยนะคะ

 

#ผู้หญิงไม่ยอมแพ้ #Neversurrender

(Visited 331 times, 1 visits today)