สาวๆ เคยสงสัยไหมว่าเจ้าอาการปวดร้าวศีรษะจากอาการปวดหัวที่แสนจะทรมานที่คุณกำลังเผชิญนั้นต้องปวดหนักแค่ไหนถึงจะเรียกว่า “ปวดไมเกรน” อาการปวดต่างกันอย่างไร เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะ ว่านี่ “ฉันกำลังปวดไมเกรน” เราไปทำความรู้จักโรคชวนหัวนี้กันสักหน่อย

อะไรคือไมเกรน

ไมเกรน หรือ Migraine นั้นแท้จริงแล้วคือโรคที่เกิดแสดงอาการหลากหลายประเภท แต่ที่เราพบเห็นกันได้บ่อยที่สุดคืออาการอาการปวดหัวจี๊ดๆ ข้างใดข้างหนึ่ง โดยอาการที่แสดงออกอื่นๆ ของโรคนี้ อาทิ มองภาพไม่ชัด ไวต่อแสง เสียง และกลิ่น จนรู้สึกเวียนเหียนและอยากอาเจียน อาการที่ว่าทำให้สาวๆ หลายคนต้องขอตัวไปเอนหลังนอนพักสักเดี๋ยว หรือหลายๆ ชั่วโมงเลยทีเดียว โดยสาเหตุที่เกิดเจ้าโรคน่ารำคาญนี้คือความผิดปกติที่เกิดในสมองของเรา รวมไปถึง ศีรษะ และเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงรอบๆ สมอง โดยเมื่อถูกกระตุ้น สมองจะตอบสนองไวกว่าปกติ ทำให้เกิดปฏิกริยาเคมีภายใน จนหลอดเลือดขยายตัว เกิดเป็นอาการไมเกรนขึ้นมา และเมื่ออาการกำเริบ อาจมีการเห็นแสงจ้า ซึ่งอาจรวมการเห็นประกายแสงไฟ หรือ ภาพเบลอด้วย และโรคนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่พบได้น้อยในกลุ่มผู้สูงอายุ ทั้งนี้แต่ละคนมีอาการที่แตกต่างกันไป โดยอาการปวดหัวนี้อาจเกิดขึ้นนานตั้งแต่ 4 ถึง 72 ชั่วโมง หากเป็นมากๆ อาจรบกวนการเรียน การทำงาน ไปจนการใช้ชีวิตตามปกติเอาได้

 

อาการที่บอกว่าคุณกำลังเป็นไมเกรน

มั่นใจว่าคนเป็นไมเกรนทุกคนรู้จักและแขยงอาการนี้เป็นอย่างดี โดยอาการปวดหัวไมเกรนมีลักษณะค่อนข้างชัดเจน ต่างจากอาการปวดหัวประเภทอื่นๆ นั่นคือ มักปวดบริเวณขมับ อาจเป็นข้างเดียว หรือเกิดพร้อมกันทั้งสองข้างก้ได้ บางคนอาจปวดข้างเดิมซ้ำๆ รวมไปถึงปวดเบ้าตา โดยจะรู้สึกปวดตุบๆ ไปตามจังหวะการเต้นของหัวใจ หากในกรณีที่เป็นมาก อาจมีอาการคลื่นไส้รวมถึงอาเจียนร่วมด้วย

 

สาเหตุที่ทำให้เกิดไมเกรนล่ะ

ทางการแพทย์สันนิษฐานว่าเป็นไปได้ว่าจะโดยมากเกิดจากพันธุกรรม เช่นเดียวกับโรคภูมิแพ้นั่นเอง แต่มักจะเกิดอาการเมื่อมีปัจจัยแวดล้อมมากระตุ้น นั่นคือความเครียด การพักผ่อนน้อย พฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ที่ทำให้หลอดเลือดแดงขยายตัวเร็ว เช่น ดื่มแอลกอออล์ หรือสูบบุหรี่ จนทำให้เปิดอาการ “ปวดหัวตุ้บๆ” นั่นเอง

 

ยาคุมกำเนิดก็มีผล

นอกเหนือจากเหตุผลข้างต้นที่ว่า สาวๆ หลายคนยังอาจพบว่ามีอาการปวดหัวมาก คลื่นไส้ ไปจนถึงอาเจียน ซึ่งเป็นอาการของการปวดหัวไมเกรน โดยเกิดหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิด ซึ่งนี่ไม่ใช่อาการแพ้ยา แต่เกิดขึ้นโดยเป็นผลข้างเคียงของการใช้ยา ซึ่งมักเกิดในผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด โดยเฉพาะยา Ethinyl Estradiol (EE) ที่มีปริมาณฮอร์โมนในเม็ดยาคุมกำเนิดสูงด้วยนั่นเอง ซึ่งวิธีหลีกเลี่ยงหรือป้องกันนั้นสามารถทำได้ไม่ยากเลย โดยควรเลือกใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมน Ethinyl Estradiol อยู่ที่ 15 หรือ 20 ไมโครกรัมแต่ไม่ควรมากกว่านั้น แต่นี้ก็อุ่นใจ ไร้ไมเกรนแล้ว

 

วิธีป้องกันให้ห่างไกลไมเกรน

แม้จะเป็นโรคที่ว่ากันว่าเกิดจากพันธุกรรม กระนั้นเราก็ควรสร้างเกราะป้องกันจากโรคชวนปวดขมองนี้กันไว้ก่อน โดยดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างครบถ้วน ดื่มน้ำเยอะๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และอยู่ให้ห่างไกลความเครียดเข้าไว้เป็นดี

 

 

อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่: www.facebook.com/NeverSurrenderThailand

(Visited 4,182 times, 1 visits today)